

โบท็อกซ์ (BOTOX) คืออะไร?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการฉีดโบท็อกซ์ หรือ BOTOX นั้นเป็นหัตถการความงามที่หลายคนนิยมเข้ารับบริการกันอย่างมาในปัจจุบัน เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวยแล้ว ยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก หรือแม้แต่ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ได้อีกด้วย
โดยโบท็อกซ์นั้นเป็นสารสกัดจากโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้เมื่อนำโบท็อกซ์มาฉีดบริเวณที่มีริ้วรอย ปัญหาริ้วรอยดังกล่าวจึงสามารถเลือนหายไปได้นั่นเอง หรือถ้าหากนำมาฉีดบริเวณกราม ก็จะช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อให้กระชับเล็กลง จึงสัมผัสได้ถึงใบหน้าที่เรียวเล็กมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกซ์ส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ได้นาน 6-8 เดือนเลยทีเดียว
โบท็อกซ์ (BOTOX) เหมาะกับใครบ้าง?
ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยหรือร่องลึกแห่งวัย
ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก (V-Shape) เห็นกรอบหน้าเรียวชัด
ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะ
ผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณแขน หรือน่องขา
ตำแหน่งฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX) ยอดนิยม
โบท็อกซ์บริเวณหน้าผาก
สำหรับผู้ที่ชอบเลิกหน้าผากทั้งรู้ตัวก็ดี หรือไม่รู้ตัวก็ดีแบบบ่อยครั้ง จนเกิดเป็นรอยย่นจาง ๆ หรือแบบลึกจนทำให้ใบหน้าแลดูแก่เกินวัยนั้น การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดรอยย่อนบริเวณหน้าผากจึงถือว่าตอบโจทย์ที่สุดเลยล่ะ
โบท็อกซ์บริเวณระหว่างคิ้ว
หากมีอาการเครียด สงสัย งุนงงบ่อย ๆ เชื่อว่าหลายคนมักจะเผลอขมวดคิ้วด้วยความลืมตัว ซึ่งอาจทำให้บริเวณระหว่างคิ้วมีริ้วรอยทั้งแบบจางและแบบลึกได้ ฉะนั้นแล้วการแก้ปัญหาผิวบริเวณระหว่างคิ้วได้ดีที่สุดก็คือการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดเลือนริ้วรอยดังกล่าว
โบท็อกซ์บริเวณหางตา
ปัญหาผิวที่เกิดบริเวณหางตาที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือปัญหาริ้วรอยตีนกาที่เกิดจากการหยีตา ยิ้มเยอะ ๆ หัวเราะบ่อย ๆ ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดรอยพับสะสมจนเกิดเป็นริ้วรอยตีนกาในที่สุด ซึ่งก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์เพื่อให้ผิวบริเวณนั้นเรียบเนียนขึ้น
โบท็อกซ์บริเวณปีกจมูก
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการศัลยกรรมเสริมจมูก หรือตัดปีกจมูก การฉีดโบท็อกซ์ก็สามารถช่วยจัดการปัญหาปีกจมูกกว้าง หรือลดขนาดปีกจมูกให้เล็กลง ทำให้สันจมูกแลดูโด่งเป็นสันเป็นคมมากยิ่งขึ้นได้
โบท็อกซ์บริเวณกรามหรือกรอบหน้า
การฉีดโบท็อกซ์บริเวณกรามหรือการลิฟต์กรอบหน้านั้นสามารถช่วยให้กรอบหน้าแลดูเรียวเล็ก และเห็นชัดมากยิ่งขึ้นได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าบาน กรามใหญ่ กรอบหน้าไม่ชัด หรือถ้ามีปัญหาเหนียงหรือไขมันสะสมใต้กรอบหน้าเยอะก็สามารถฉีดโบท็อกซ์ร่วมกับการฉีดเมโสสลายไขมันได้เช่นกัน
โบท็อกซ์ใต้วงแขน
หากรู้สึกว่าการใช้โรลออนหรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายไม่เห็นผล และไม่สามารถลดปริมาณเหงื่อที่ออกมาได้ การฉีดโบท็อกซ์จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยลดปริมาณเหงื่อที่ร่างกายผลิตได้ รวมถึงยังสามารถช่วยลดกลิ่นตัวได้เช่นกัน
โบท็อกซ์แขนหรือขา
สำหรับใครที่มีปัญหาแขนใหญ่ น่องใหญ่ รักษายาก ลดไม่ได้ ก็สามารถใช้บริการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดขนาดต้นแขน ลดขนาดน่องให้เรียวเล็กได้
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX)
งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์
สำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงใช้กลุ่มยาแก้ปวด ยาแอสไพริน หรือยาต้านอาการอักเสบ NSAID จำพวก Ibrupofen ควรงดรับประทานก่อนเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเกิดอาการบวม ฟกช้ำ
หลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามิน หรืออาหารเสริมจำพวกวิตามิน E น้ำมันตับปลา ใบแปะก๊วย อีฟนิ่งพริมโรส อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์
หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ


ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX)
หากมีอาการบวมแดงหลังฉีดสามารถใช้น้ำแข็ง หรือ Cold Pack ประคบเพื่อบรรเทาอาการได้ แต่ปกติอาการเหล่านี้จะหายเป็นปกติได้เอง 1-2 ชั่วโมงหลังฉีด
หากต้องการแต่งหน้า ควรแต่งหน้าหลังฉีดโบท็อกซ์ประมาณ 4 ชั่วโมง
หลังฉีดโบท็อกซ์ควรนอนหนุนหมอนสูง หรือนอนหงายเพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
งดการบีบ กด นวด รบกวนบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ฤทธิ์ของโบท็อกซ์กระจายไปบริเวณอื่น ๆ
หลังฉีดโบท็อกซ์ ควรหลีกเลี่ยงความร้อนเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากความร้อนหรือไออุ่นอาจทำให้โบท็อกซ์เสื่อมสภาพได้
งดแช่หรืออาบน้ำอุ่น อบซาวน่า เนื่องจากความร้อนหรือไออุ่นอาจทำให้โบท็อกซ์เสื่อมสภาพได้
งดเข้ารับบริการนวดทรีทเมนท์ RF หรือเลเซอร์ 2 สัปดาห์หลังเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์
งดอาหารหมักดอง เพื่อป้องกันการขยายตัวของเส้นเลือด
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของฤทธิ์โบท็อกซ์


ฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX) มีผลข้างเคียงหรือไม่?
จริง ๆ แล้วโบท็อกซ์แทบจะไม่มีผลข้างเคียงหลังฉีด เนื่องจากโบท็อกซ์ส่วนใหญ่เป็นสารสกัดที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ เว้นแต่ว่าคุณไปเจอคลินิกที่ใช้โบท็อกซ์หิ้ว โบท็อกซ์ปลอม ทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ บวกกับประสบการณ์และความชำนาญการของแพทย์ที่อาจไม่มากพอ ซึ่งอาจเกิดความผิดพลาดขณะฉีดจนทำให้เกิดการกระจายตัวของโบท็อกซ์ที่ไม่ดี ทำให้ผู้รับบริการมีอาการปากเบี้ยว ตาตก หน้าแข็ง หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “ตึงโบ” นั่นเอง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX)
ฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX) อยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยปกติแล้วโบท็อกซ์จะมีอายุอยู่บนผิวหน้าของเราประมาณ 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ เทคนิคในการฉีดโบท็อกซ์ของแพทย์ รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันและการปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์ตามคำแนะนำของแพทย์
ฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX) แล้วเห็นผลทันทีหรือไม่?
หากเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ หรือปรับรูปหน้าให้เรียวสวยส่วนใหญ่จะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ 2 สัปดาห์เป็นต้นไป และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในช่วง 1 เดือนแรก แต่ในวันที่ฉีดหรือหลังฉีดประมาณ 2-3 วัน อาจรู้สึกได้ว่าผิวมีความตึงเล็กน้อย ทั้งนี้ผลลัพธ์ก็อาจขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลรวมถึงปัจจัยทางด้านกายภาพด้วยเช่นกัน
ควรฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX) บ่อยแค่ไหน?
ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ถี่หรือบ่อยจนเกินไป ควรเว้นระยะห่าง 3-5 เดือน หลังการฉีดครั้งล่าสุด แต่ไม่ควรเว้นระยะห่างในการฉีดโบท็อกซ์มากเกิน 5-6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากอาจทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อกลับมาเป็นปกติ และอาจจะทำการรักษาได้ยากหรือต้องใช้โบท็อกซ์ปริมาณเยอะได้
อาการดื้อโบท็อกซ์ (BOTOX) คืออะไร?
ส่วนใหญ่แล้วอาการดื้อโบ หรือดื้อโบท็อกซ์ หรืออาการที่ฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วริ้วรอยไม่ลด กรามไม่ยุบ ปัญหาผิวที่มีอยู่ไม่จางหายไปนั้นเกิดขึ้นได้จากการที่ร่างกายรับโบท็อกซ์ไม่บริสุทธิ์อย่างพวกโบท็อกซ์ปลอม โบท็อกซ์หิ้ว ที่ประสิทธิภาพการทำงานค่อนข้างต่ำ และเมื่อร่างกายรับเข้าไปบ่อย ๆ ก็ทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ในที่สุด
จะรู้ได้อย่างไร? ว่าเป็นโบท็อกซ์ (BOTOX) ของแท้
เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในการเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ ก่อนฉีดโบท็อกซ์สามารถขอแพทย์หรือเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบกล่องบรรจุภัณฑ์ว่ามีเลขทะเบียนอย. เลข LOT ตรงกับหลอดฟิลเลอร์หรือไม่ หรืออาจตรวจสอบจากสติกเกอร์โฮโลแกรมที่ติดหน้ากล่องบรรจุภัณฑ์หรือข้างขวด ขณะเดียวกันก็สามารถนำเลข LOT ไปติดต่อสอบถามกับบริษัทนำเข้าได้เช่นกัน